วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Window Display

สรุปสาระสาคัญ
ประเภทของการจัดแสดงสินค้า
การจัดแสดงสินค้าสามารถจัดได้หลายพื้นที่ของร้านค้า เช่น ภายในร้านค้า ภายนอกร้านค้า หรือบริเวณหน้าร้านค้าก็ได้ ร้านค้าสามารถใช้การจัดแสดงสินค้าภายในหน้าต่างโชว์ หยุดความสนใจของลูกค้าเพื่อให้เดินเข้ามาในร้านค้าใช้การจัดแสดงสินค้าภายในร้านเป็นตัวเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าเร็วขึ้นและใช้การจัดแสดงสินค้าภายนอกร้านค้าในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้านค้า




ประเภทของการจัดแสดงสินค้า
การจัดแสดงสินค้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
1. การจัดแสดงสินค้าในหน้าต่างโชว์หน้าร้าน ( Window Display )
การจัดแสดงสินค้าในหน้าต่างโชว์หน้าร้านถือเป็น “ ดวงตา ” ของร้านที่จะคอยดึงดูดความสนใจจากลูกค้า แบ่งได้เป็น 3 แบบคือ
1.1 หน้าต่างโชว์แบบเดียวหรือแบบแบนราบ ( Single Display ) เป็นการจัดแสดงสินค้าไว้ด้านหลังของผนังด้านหน้าของร้านค้าซึ่งเป็นกระจกแบนราบ สามารถมองเห็นได้เพียงด้านหน้าเพียงด้านเดียว
1.2 หน้าต่างโชว์แบบมุม ( Corner Display ) การจัดแสดงได้ 2 ด้าน เป็นการจัดส่วนมุมด้านหน้าของร้านค้า โดยใช้ผนังด้านหน้าและด้านข้างของร้านทามุมจัดเป็นหน้าต่างโชว์
1.3 หน้าต่างโชว์แบบแกะ ( IsIand Display ) เป็นการจัดแสดงที่เปิดโอกาสให้ผู้พบเห็นสามารถมองเห็นสินค้าได้ หากการจัดแสดงสินค้าแบบนี้ต้องมีพื้นที่กว้างขวาง
เหตุผลที่ต้องมีการจัดแสดงสินค้าในหน้าต่างโชว์หน้าร้าน
1. สร้างความสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น ร้านค้าต้องเรียกความสนใจจากผู้พบเห็น หากสร้างความสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นได้และรวดเร็วเพียงใดก็จะทาให้ลูกค้าเดินเข้าร้านและซื้อสินค้าในที่สุด
2. แสดงให้เห็นถึงย่านหรือบริเวณที่ทาให้ลูกค้ามุ่งซื้อมากขึ้น ปัจจุบันร้านค้าที่เราจาหน่ายสินค้าประเภทเดียวกันมักตั้งอยู่ที่เดียวกัน เช่น ร้านจาหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าวัดตึก
3. สามารถจัดสินค้าได้ตามฤดูกาล การจะเปลี่ยนแปลงการจัดแสดงสินค้าตามฤดูกาลหรือตามเทศกาลต่างๆ
หลักเบื้องต้นของการจัดแสดงสินค้าในหน้าต่างโชว์หน้าร้าน
1. วางแผนการจัดแสดงสินค้าล่วงหน้า จานวนสินค้าที่จะจัดแสดงต้องเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
2. เน้นสินค้าที่กาลังอยู่ในความต้องการ ควรเป็นสินค้าที่มีอัตราการขายที่รวดเร็ว เลือกสินค้าที่มีสิ่งจูงใจ
3. ควรทันต่อเห็นการณ์ เช่น ตามเทศกาล ฤดูกาล แฟชั่น
4. การจัดแสดงสินค้าต้องแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของร้านค้า จัดแสดงที่มีความเหมาะสมกับขนาดของหน้าต่างโชว์
5. ต้องเลือกสรรสินค้าที่จัดแสดงอย่างรอบคอบ บางครั้งจะเกิดปัญหาว่าจะเลือกสินค้าตัวใดมาจัดแสดง
6. ควรให้แสงสว่างอย่างพอเหมาะ ในหน้าต่างตู้โชว์ควรให้เหมาะสมกับลักษณะการจัดแสดงสินค้า
7. การรักษาความสะอาด เป็นสิ่งสาคัญทั้งการจัดแสดงสินค้า หน้าร้านหรือหน้าต่างโชว์หน้าร้าน อย่าให้มีคราบฝุ่นละอองเพราะอาจจะทาให้สินค้าเก่า
8. การจัดแสดงสินค้าในหน้าต่างตู้โชว์หน้าร้านต้องน่าสนใจและดึงดูดใจ จะต้องมีการเอาสี เอาแสงมาใช้ในการจัดแสดง
9. วัสดุที่ใช้ต้องสร้างความมั่นใจ เลือกวัสดุอุปกรณ์ประกอบให้เหมาะสมกับตัวสินค้า
10. การจัดแสดงสินค้าต้องเป็นการให้ข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าได้ทันทีที่พบเห็น สินค้าที่ต้องการการจัดแสดงควรให้เด่นกว่าสินค้าอื่น
11. การจัดแสดงต้องสร้างความประทับใจ
2. การจัดแสดงสินค้าภายในร้าน ( Interior Display )
การจัดแสดงสินค้าภายในหน้าต่างโชว์หน้าร้านที่เด่นสวยงาม สะดุดตาสามารถหยุดสายตาและเรียกร้องความสนใจของลูกค้า แบ่งได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่
2.1 การจัดแสดงสินค้าบนเคาน์เตอร์ ( Top of Counter Display ) การจัดแสดงสินค้าบนโต๊ะ
2.2 การจัดแสดงสินค้าแบบเปิด ( Open Display ) นาสินค้าขึ้นมาขายหรือจัดวางบนโต๊ะ บนชั้นวางของ
2.3 การจัดแสดงสินค้าแบบปิด ( Closed Display ) การที่จัดวางสินค้าแบบอยู่ในเคาน์เตอร์
2.4 การจัดแสดงสินค้าบนผนัง ( Wall Display ) การวางสินค้าการใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด
2.5 การจัดแสดงสินค้าแบบแขวน ( Hanging Display ) การนาเอาสินค้าไปแขวนไว้กับราวหรือหมุดยึดที่แข็งแรงและแน่นหนา
2.6 การจัดแสดงสินค้าเชิงสถาปัตยกรรม ( Archeteetural Display ) เหมือนการจัดแบบสถานที่จริง เช่น การจัดห้องนอน ห้องรับแขก
ลักษณะการจัดแสดงสินค้าในหน้าต่างโชว์
1. หน้าต่างโชว์แสดงสินค้าอย่างเดียว ( One Item Window ) อาจจะเป็นสินค้าชิ้นเดียวชิ้นใหญ่จัดแสดงให้ดูสะดุดตา
2. หน้าต่างโชว์แสดงสินค้าที่สัมพันธ์กันเป็นชุด ( Related Merchandise in Theme Window ) เช่นชุดเครื่องประดับ มีนาฬิกา จี้ แหวน ต่างหู
3. หน้าต่างโชว์แสดงสินค้าที่สัมพันธ์กันต่างชุด ( Related Merchandise not in Theme Window) ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกสินค้าเครื่องเรือน ของตกแต่งบ้าน
4. หน้าต่างโชว์แสดงสินค้าตามประเภท ( Single Line of Goods Window ) เช่น จัดแสดงเครื่องเสียงโซนี่ จะมีหลายยี่ห้อของผู้ผลิตโซนี่ยี่ห้อเดียว
5. หน้าต่างโชว์สินค้าหลายประเภท ( Miscellaneous Window Display ) คือการไม่ได้เป็นผู้แทนจาหน่ายสินค้าของผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง แต่รับจาหน่ายสินค้าต่างๆจากผู้ผลิตหลายๆราย โดยเลือกสินค้าที่กาลังนิยมมาจัดแสดง
6. หน้าต่างโชว์ตามเทศกาล ( Season Window ) ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ขายสินค้าเฉพาะอย่าง เปลี่ยนแปลงปีละครั้งหรือสองครั้งแล้วแต่ความจาเป็น
7. หน้าต่างโชว์ตามวาระพิเศษ ( Special Feature Window Display ) การจัดแสดงสินค้าตามวาระพิเศษ
3. การจัดแสดงสินค้าภายนอกร้าน ( Exterior Display ) การเอาสินค้าไปจัดแสดงภายนอกร้าน เช่น งานจัดแสดงที่จัดโดยกรมส่งเสริมการส่งออก
ตอบคาถามข้อที่1.
1. ร้านที่จัดแสดงสินค้าแบบ Single Display คือ ร้านโชว์เสื้อผ้าแฟนชั่นที่ใช้หุ่นในห้างสรรพสินค้า
2. ร้านที่จัดแสดงสินค้าแบบ Corner Display คือ ร้านขายสินค้าที่เป็นเครื่องประดับเช่น พวกนาฬิกา
3. ร้านที่จัดแสดงสินค้าแบบ Island display คือ ร้านค้าภายในห้างแกนด์พาซ่า
ตอบคาถามข้อที่ 2.
1. ร้านที่จัดแสดงสินค้าบนเคาน์เตอร์ ( Top of Counter Display ) ได้แก่ ร้านจาพวกที่ขายโทรศัพท์มือถือ
2. ร้านที่จัดแสดงสินค้าแบบเปิด ( Open Display ) ได้แก่ ร้านเสื้อผ้าวัยรุ่น เสื้อผ้าแฟชั่น ในห้างสรรพสินค้า
3. ร้านที่จัดแสดงสินค้าแบบปิด ( Closed Display ) ได้แก่ ร้านที่ขายพวกเครื่องสาอางชั้นนา
4. ร้านที่จัดแสดงสินค้าบนผนัง ( Wall Display ) ได้แก่ ร้านที่จาหน่ายงานเขียน งานศิลปะ
5. ร้านที่จัดแสดงสินค้าแบบแขวน ( Hanging Display ) ได้แก่ ร้านที่พวกของตกแต่งเช่นโคมไฟ
6. ร้านที่จัดแสดงสินค้าเชิงสถาปัตยกรรม ( Archeteetural Display ) ได้แก่ ร้านที่จาหน่ายสินค้าที่ต้องยกของจริงมาไว้ในร้าน เช่น การจัดแสดงห้องนอน ห้องรับแขกเป็นต้น

ดูตัวอย่างการจัดวางหน้าร้าน แบรนด์สินค้า



"เอฟคิวแอนด์แอล" ปรับภาพลักษณ์ แบรนด์ ยกชั้นเทียบ "ซาร่า-แมงโก" เดินหน้ารีโนเวตสาขาเน้นหรูหรา ลอนช์คอลเล็กชั่นใหม่ทุกวีก หวังเพิ่มความถี่คอแฟชั่น พร้อมงัดกลยุทธ์ "เอนจอยไพรซ์" กระตุ้น พร้อมส่งแบรนด์ใหม่ "เอฟแอนด์เอ็ม" แฟชั่นยูนิเซ็กซ์เจาะกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน เผยสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวดันตลาดแฟชั่นคึกคัก

 http://www.gandlclothing.com/92.html




ดูตัวอย่างการ designs สินค้า

 designs













ประวัติ แบรนด์ dickie

ประวัติ


Through its dedication to innovation and continual customer contact, Williamson-Dickie Mfg. Co. has transformed itself from a small bib overall company to the largest workwear manufacturer in the world. ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการติดต่อกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง Williamson - Dickie Mfg. บริษัท ที่มีการสร้างตัวเองจากการเป็น บริษัท ขนาดเล็กโดยรวมถึงผู้ผลิตเอี๊ยม workwear ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sold in every state in the US, Dickies now offers a broad spectrum of work garments ranging from work pants and work shirts to denim jeans and women's workwear. จำหน่ายในทุกรัฐในสหรัฐอเมริกา, Dickies ตอนนี้มีที่กว้างขวางของเสื้อผ้ากางเกงทำงานตั้งแต่การทำงานและการทำงานเพื่อให้เป็นผ้ายีนส์เสื้อยืดกางเกงยีนส์และ workwear ผู้หญิง Since its beginnings in 1922, every piece of Dickies workwear has stood for the quality, toughness, and pride that embodies the spirit of the American worker. ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1922, ชิ้นส่วนของ workwear Dickies ทุกคนมีอยู่ให้มีคุณภาพความเหนียวและความภาคภูมิใจที่คาดเดาจิตวิญญาณของคนงานชาวอเมริกัน
CN Williamson and EE "Colonel" Dickie began their business careers in the "vehicle and harness" business in Bryan, Texas. CN Williamson และ ศ. "พันเอก"Dickie เริ่มการประกอบอาชีพธุรกิจของพวกเขาใน"รถและเครื่องเทียม"ธุรกิจในไบรอัน, เท็กซัส In 1918, they made what turned out to be a momentous decision when they and a few friends established the US Overall Company. ในปี 1918, พวกเขาทำสิ่งที่เปิดออกจะตัดสินใจสำคัญยิ่งเมื่อพวกเขาและเพื่อน ๆ ไม่กี่ บริษัท ที่จัดตั้งขึ้นสหรัฐโดยรวม Then, in 1922, C. Don Williamson joined with his father and cousin to buy 100% of the overall company on a one-third-each basis and renamed it Williamson-Dickie Manufacturing Company. จากนั้นในปี 1922, ซีดอน Williamson ร่วมกับพ่อและญาติของเขาให้ซื้อครบ 100% ของ บริษัท โดยรวมในหนึ่งในสาม - แต่ละพื้นฐานและเปลี่ยนชื่อเป็น Williamson - Dickie บริษัท ผู้ผลิต
From its early years, Williamson-Dickie enjoyed steady growth, slowed only by the Great Depression, and during World War II, the company was sequestered to produce millions of uniforms for the nation's armed forces. จากปีแรกของมัน Williamson - Dickie ชอบการเจริญเติบโตคงที่ชะลอตัวเท่านั้นโดย Great อาการซึมเศร้าและในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง บริษัท ได้ sequestered ในการผลิตหลายล้านเครื่องแบบสำหรับกองกำลังติดอาวุธของชาติ In converting to civilian production after the war, C. Don Williamson began a strategy of geographical expansion and established new production facilities, warehouses, and sales territories throughout the United States. ในการเปลี่ยนการผลิตพลเรือนหลังสงคราม, C. Don Williamson เริ่มกลยุทธ์การขยายตัวทางภูมิศาสตร์และสถานที่ผลิตขึ้นใหม่คลังสินค้าและพื้นที่การขายทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา In the late 1950's, Williamson-Dickie became an international company by expanding into the European market and the Middle Eastern market - where Texas oilmen introduced the Dickies brand to Middle Eastern oil fields. ในปลายทศวรรษ 1950, Williamson - Dickie กลายเป็น บริษัท ต่างชาติด้วยการขยายเข้าสู่ตลาดยุโรปและตลาดตะวันออกกลาง -- กรณีที่ oilmen เท็กซัสเปิดตัวแบรนด์ Dickies ไปแหล่งน้ำมันในตะวันออกกลาง

While Williamson-Dickie began as a bib overall company, today it has grown to be the number one manufacturer of work apparel worldwide. ในขณะที่ Williamson - Dickie เริ่มเป็น บริษัท โดยรวมเอี๊ยม, วันนี้ได้เติบโตขึ้นเป็นอันดับหนึ่งผู้ผลิตเครื่องแต่งการทำงานทั่วโลก By continually expanding and updating its selection, Williamson-Dickie now offers garments ranging from its staple work pants and work shirts to items such as women's workwear, chore coats, and denim jeans. อย่างต่อเนื่องโดยการขยายและปรับปรุงการเลือกของตน Williamson - Dickie ตอนนี้มีตั้งแต่เสื้อผ้ากางเกงงานหลักและเสื้อทำงานให้กับรายการเช่น workwear ผู้หญิง, เสื้อโค้ทงานบ้านและกางเกงยีนส์เป็นผ้ายีนส์ Dickies® workwear is currently sold in all 50 states and throughout the world in countries such as South Africa, Australia, Russia, Chile, Japan, Iceland, Canada, Europe and Mexico. Dickies workwear ® มีขายอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด 50 รัฐและทั่วโลกในประเทศต่างๆเช่น South Africa, Australia, รัสเซีย, ชิลี, ญี่ปุ่น, ไอซ์แลนด์, แคนาดา, ยุโรปและเม็กซิโก










แบรนด์สินค้า เป็นแนวทางของ ธเนศ เตียวสกุล

เสื้อผ้าแบรนด์ Dickes
การทำงาน - Dickes เป็นเสื้อผ้าสไตน์แนว hiphop เป็นที่นิยมของคนในกลุ่มทุกคน ทุกวัยในประเทศไทยนิยมใส่กันในหมู่วัยรุ่นและนักศึกษา แต่ในต่างประเทศเป็นที่นิยมทั้งวัยรุ่น เด็กนักเรียน นักศึกษา และคนทำงาน ครอบคลุมไปจนถึงแบบฟอม์ของอาชีพ แต่ละอาชีพด้วย เช่น นักดับเพลิง ตำรวจ และคนงานก่อสร้าง เป็นต้นDickesจึงมีสไตน์ที่ออกแบบให้กลุ่มคนแต่ละกลุ่มให้เหมาะสมกับการที่จะนำไปใช้งานได้จริงและทนทาน การออกแบบจึงจะดูทั้งหลักการใช้งานให้เหมาะสม
ข้อได้เปรียบ - Dickes สามารถเจาะตลาดได้ในทุกกลุ่มทั้งคนทำงาน เด็กวัยรุ่น และนักศึกษา ทั้งในเรื่องราคาที่ไม่สูงมากนัก และเนื้อผ้าที่ใช้มีความทนทานมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับในแบรนด์อื่นๆที่ทั้งราคาสูงและเนื้อผ้าที่ใช้ไม่ทนทานต่อการใช้งานมากนัก ผู้อุปโภคจึงมีกำลังทรัพย์ในการซื้อมากกว่าในทุกเพศทุกวัย
ข้อเสีย - Dickes มีดีไซด์ที่เป็นเอกลักษณ์ เรียบง่าย ไม่มีลวดลายและสีสันที่ฉูดฉาดเกินไป การตลาดก็มีน้อย การโฆษณาไม่มีมากนัก การโฆษณาจึงมีในกลุ่มบุคคลมากกว่า
การสื่อสารทางการออกแบบ – มีconcept ที่ตายตัวและเป็นเอกลักษณ์มานานกว่า40ปี ไม่ว่าจะทางด้านการออกแบบของตัวผลิตภัณฑ์ ที่เรียบง่าย รูปทรงไม่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยมากนัก มุ่งเน้นทางการใช้งานมากกว่าดีไซด์ที่เปลี่ยนไปตามความนิยม
วัสดุ – เป็นเนื้อผ้าที่มีความทนทานต่อการใช้งาน อยู่ทรงตามแบบที่ตัดเย็บ มีการใช้สีสันที่เรียบง่าย แต่มีการผสมผสานกันได้เหมาะสม ทั้งด้วยตัวเนื้อผ้า รูปทรง ที่ไม่เหมือนใคร และวิธีการผลิตที่พิถีพิถันมีการตัดเย็บให้แน่นหนาและคงทนต่ออายุการใช้งานในทุกๆด้าน ทุกเวลา ทุกสถานะการณ์

Desion – เรียบง่ายเข้ากับยุคสมัย และกลุ่มคน มีการออกแบบให้เหมาะสมแก่ ฤดูกาลต่างๆ  ทั้งสายอาชีพทั่วไป ทั้งแบบฟรอม์นักเรียน นักศึกษา และยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ เสมอ ทั้งด้วยตัวเนื้อผ้าที่ไม่เหมือนใคร
กรอบความคิด
1. What - ร้านเสื้อผ้าสไตน์ Hiphop รูปแบบเรียบง่าย
2. Who - กลุ่มบุคคล ทุกเพศทุกวัย
3. Where - ใช้ในการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน และทางอาชีพของแต่ละบุคคล
4. When - ทุกเวลาและวาระสำคัญต่างๆและการประกอบอาชีพ
5. How - สำหรับคนทำงานและทุกเพศ วัย ใส่ได้ทุกเวลาและทุกฤดูการ 
แนวทาง
Problem Identification
มีการติดตามว่ามีผู้ใช้สินค้าและต้องการสินค้ามากแค่ไหนเจาะลึกถึงหมู่ผู้ใช้ว่าพึงพอใจในสินค้าหรือไม สำรวจและติดตามได้จาก แบบสอบถาม ยอดขายจากสินค้า การติดต่อสอบถามของลูกค้า และบันทึกยอดขายสินค้านั้นๆ
Preliminary ideas
            เสื้อผ้าสไตน์ hiphop มีน้อยและแบรนด์ต่างๆก็มีน้อย แต่ผู้นิยมมีมาก และสินค้าก็มีราคาแพง จึงต้องสร้างแบรนด์ที่ติดหูคนทั่วไปและสินค้าต้องมีความคงทน แต่มีราคาที่ไม่แพงมากนัก
Design Refinement
            มีการปรับแต่งแบบและสี ให้ทันต่อยุคสมัย และฤดูกาล แต่ไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิม สามารถสวมใส่ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ ให้เหมาะแกทุกเพศ ทุกวัย มีการเพิ่มจากเสื้อผ้าที่เน้นแต่ผู้ชาย มาเพื่อผู้หญิงมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับ ความคิดที่ว่า ทุกเพศ ทุกวัย
Design Analysis
            เมื่อมีการปรับแต่งแล้ว จึงต้องมาวิเคราะห์ต่อว่าแบบที่ออกมา เหมาะสมหรือเป็นที่น่าพอใจสำหรับลูกค้าหรือไม่ มีการติดตามผลสำรวจของสินค้าที่มีผู้นิยม และจึงนำเอามาเป็นความคิดที่เป็นหลักๆ มีการเปลี่ยนแปลงสินค้าเดิม แต่ไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิมออกไป
Design Decision
            มีการตัดสินใจว่า แบบของเสื้อผ้าจะเป็นอย่างไรตามที่ได้ปรับแต่งและวิเคราะห์แล้วเพื่อนำไปผลิตเป็นตัวอย่างก่อน นำไปโชว์ตามร้านเพื่อเป็นที่ติดตาของลูกค้าจากการสอบถามสินค้านั้น เมื่อได้ติดตามผลของสินค้าแล้วจึงผลิตเสื้อผ้าตามแบบ สไตน์ ที่ได้ออกแบบไว้
Implementation
            ขั้นตอนสุดท้ายคือการ นำแบบที่ได้ ไปผลิตเป็นสินค้าออกวางตลาด และมีการติดตามผลงานจากการซื้อสินค้าจากลูกค้า และยอดขายตลอดช่วงระยะเวลา และตลอดฤดูการ ว่ามีความพึงพอใจมากแค่ไหนกับสินค้าชินนี้ และได้มีการจัดโปรโมชั่นสำหรับสินค้า เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายสินค้าและความนิยมแก่ลูกค้า